วันอังคารที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ท่าทางบอกนิสัย

การนั่ง-นั่งเต็มเก้าอี้  เป็นคนทำงานอย่างกระตือรือร้น  ไม่กลัวปัญหามักจะได้ดิบได้ดี
-นั่งจับหัวเข่า  เป็นคนมักชอบแสดงความคิดเห็นที่สร้างสรรค์มากมาย  และชอบอยู่ในโลกของความฝัน-นั่งไขว่ห้าง  เป็นคนขัดแย้งในตัวเองไม่ค่อยยอมรับความเป็นจริงสักเท่าไหร่
-นั่งอ้าขา 
เป็นคนชอบพบปะผู้คน  เป็นคนที่เห็นอกเห็นใจผู้อื่น  และเป็นคนที่เชื่อมั่นในตัวเองสูงมาก
การยืน
-ยืนตัวตรง  เป็นคนไม่ต่อยยอนรับความคิดเห็นของคนอื่น  มีระเบียบสูง-ยืนหลังงอ  เป็นคนซีเรียส  รอบคอบไม่ชอบให้ใครมาล้อเลียน-ยืนไร้ท่า  เป็นคนไม่ชอบอยู่ในกฎเกฑณ์  มีมนุยสัมพันธ์ดี  เป็นคนสนุกสนานในชีวิต-ยืนแอ่นตัว  เป็นคนอ่อนไหว  โอบอ้อมอารี  เป็นที่พึ่งของคนอื่นได้ดี  รู้จักคิดอย่างรอบคอบ

การรับประทานอาหาร
-กินจากกลางจาน  เป็นคนใจร้อน  หงุดหงิดง่าย  ตรงไปตรงมา
-กินจากขอบจาน  เป็นคนอบอุ่น  ไม่ชอบทะเลาะวิวาท
-แบ่งอาหารเป็นส่วน  เป็นคนเจ้าระเบียบ  เจ้าหลักการ  ตรงเวลา  และมีความสามารถเชิงหลักการ
-เลือกกินของชอบก่อน  เป็นคนเก็บความลับเก่ง  ไม่แคร์ใคร  ทำตามใจตัวเอง
-เก็บของชอบไว้กินทีหลัง  เป็นคนรอบคอบมีการวางแผนที่ดี
-เลือกของไม่ชอบออก  เป็นคนเอาใจใครไม่เป็น  ชอบวิจารณ์  แต่เป็นคนมีความคิดสร้างสรรค์  เป็นคนเข้าใจยากมาก

http://www.dek-d.com/board/view.php?id=700716

วันพุธที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2554

อยากบอกเเม่ว่า....

อยากบอกเเม่ว่า   ขอโทษสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่ลูกคนนี้เคยทำให้เเม่เสียใจ  ที่เคยทำให้เเม่ไม่สบายใจ
ลูกคนนี้รู้ตังเองเสมอว่าชอบทำให้เเม่เสียให้จากการกระทำของตนจึงอยากบอกเเม่ว่าขอโทษเเละต่อไปนี้จะเป็นลูกที่ดีของเเม่เเละจะไม่ทำให้เเม่เสียใจอีก  รักเเม่ค่ะ........

วิธีการกำจัดความเครียด

ความเครียด
ความเครียดสามารถเกิดได้ทุกแห่งทุกเวลาอาจจะเกิดจากสาเหตุภายนอกเช่น การย้ายบ้าน การเปลี่ยนงาน ความเจ็บป่วย การหย่าร้าง ภาวะว่างงานความสัมพันธ์กับเพื่อน ครอบครัว หรืออาจจะเกิดจากภายในผู้ป่วยเอง เช่นความต้องการเรียนดี ความต้องการเป็นหนึ่งหรือความเจ็บป่วย   ความเครียดเป็นระบบเตือนภัยของร่างกายให้เตรียมพร้อมที่กระทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง การมีความเครียดน้อยเกินไปและมากเกินไปไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพ ส่วนใหญ่เข้าใจว่าความเครียดเป็นสิ่งไม่ดีมันก่อให้เกิดอาการปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ หัวใจเต้นเร็ว แน่นท้อง มือเท้าเย็น แต่ความเครียดก็มีส่วนดีเช่น ความตื่นเต้นความท้าทายและความสนุก สรุปแล้วความเครียดคือสิ่งที่มาทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงชีวิตซึ่งมี่ทั้งผลดีและผลเสีย
ฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับความเครียด
เมื่อมีภาวะกดดันหรือความเครียดร่างกายจะฮอร์โมนที่เรียกว่า cortisol และ adrenaline ฮอร์โมนดังกล่าวจะทำให้ความดันโลหิตสูงและหัวใจเต้นเร็วเพื่อเตรียมพร้อมให้ร่างกายแข็งแรง และมีพลังงานพร้อมที่จะกระทำเช่นการวิ่งหนีอันตราย การยกของหนีไฟถ้าหากได้กระทำฮอร์โมนนั้นจะถูกใช้ไป ความกดดันหรือความเครียดจะหายไป แต่ความเครียดหรือความกดดันมักจะเกิดขณะที่นั่งทำงาน ขับรถ กลุ่มใจไม่มีเงินค่าเทอมลูก ความเครียดหรือความกดดันไม่สามารถกระทำออกมาได้เกิดโดยที่ไม่รู้ตัว ทำให้ฮอร์โมนเหล่านั้นสะสมในร่างกายจนกระทั่งเกิดอาการทางกายและทางใจ
ผลเสียต่อสุขภาพ
ความเครียดเป็นสิ่งปกติที่สามารถพบได้ทุกวัน หากความเครียดนั้นเกิดจากความกลัวหรืออันตราย ฮอร์โมนที่หลั่งออกมาจะเตรียมให้ร่างกายพร้อมที่จะต่อสู้ อาการทีปรากฏก็เป็นเพียงทางกายเช่นความดันโลหิตสูงใจสั่น แต่สำหรับชีวิตประจำวันจะมีสักกี่คนที่จะทราบว่าเราได้รับความเครียดโดยที่เราไม่รู้ตัวหรือไม่มีทางหลีกเลี่ยง การที่มีความเครียดสะสมเรื้อรังทำให้เกิดอาการทางกาย และทางอารมณ์

เราสามารถกำจัดความเครียดได้โดย
  1. ปรึกษากับเพื่อน ครอบครัว หรือเพื่อนร่วมงานจะช่วยท่านมองปัญหาในแง่มุมอื่นๆ ท่านจำเป็นต้องบอกเพื่อนร่วมงานว่าบางสิ่งไม่สามารถทำได้ ต้องรู้จักปฏิเสธ ท่านอาจจะต้องลดงานพิเศษบางอย่างขณะเกิดความเครียด ท่านต้องเคารพตัวเองไม่เอาเปรียบตัวเอง ไม่ทำงานเกินความสามารถตัวเอง ไม่ทำงานจนไม่มีเวลาพักผ่อน การทำงานต้องมีขอบเขตหากมิเช่นนั้นท่านอาจจะเป็นผู้ปกครองที่ไม่ดี เป็นเพื่อนร่วมงานที่ไม่ดี ต้องสามารถควบคุมอารมณ์โกรธได้ดี เมื่อโกรธก็หาสิ่งที่ชอบทำเช่นการฟังเพลง การเดิน
  2. อย่าซึมเศร้า เมื่อท่านมีโรคประจำตัวหรือประสบกับความผิดหวัง ท่านอาจจะหมดกำลังใจ ซึมเศร้า ชีวิตนี้ไม่มีความหวังอีกแล้ว อาการซึมเศร้าจะทำให้ท่านประสบกับความทุกข์ยากและทำให้อาการเจ็บปวดเพิ่มขึ้น ท่านอาจจะคิดว่า "ทำไมต้องเป็นเรา" "ทำไมเราถึงต้องทำสิ่งนั้น" "ทำไมเราทำสิ่งนั้นไม่ได้"คนปกติทุกคนจะคิดเหมือนกัน ท่านต้องทำใจและพยายามแก้ไข
  3. ทำชีวิตให้สบายๆอย่าทำชีวิตให้วุ่นวาย ทำตัวสบายๆงานที่ไม่สำคัญก็ไม่ต้องทำเลือกงานที่จำเป็นไม่ว่าจะเป็นงานบ้านหรืองานประจำทำให้เสร็จแล้วจึงเลือกงานที่น่าเบื่อทำต่อ
  4. เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างเกิดขึ้น ให้พยายามทำในสิ่งที่ตัวเองชอบและมีความสุข
  5. บริหารเวลาให้เหมาะสม จัดลำดับความสำคัญของงานให้ทำงานที่หนักเมื่อรู้สึกสบายหรือทำในตอนเช้า จัดเวลาสำหรับพักด้วย
  6. ให้ทำงานที่ละอย่างจนสำเร็จโดยการตั้งเป้าหมายในแต่ละวัน การตั้งเป้าหมายไม่จำเป็นต้องเป็นงานอาจจะเป็นงานอดิเรกก็ได้เมื่อได้กระทำสำเร็จจะเกิดความภูมิใจ
  7. เมื่อไม่สามารถแก้ไขปัญหาให้ปรึกษาแพทย์
http://www.sratakian.com/index.php?mo=3&art=230302